ฉะเชิงเทรา-เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา อนุญาติให้สนง.ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ใช้ที่ดินสร้างหอผู้ป่วยโรงพยาบาลคลองเขื่อน
วันที่ 20 สิงหาคม 2567 ณ ห้องประชุมสภาเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายกลยุทธ ฉายแสง นายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา นายพงษ์ศักดิ์ ร่มโพธิ์ทอง นายพงศธร ถาวรวงศ์ รองนายกเทศมนตรี นายไพโรจน์ รังสินธุ์ ปลัดเทศบาล นายศรีศักดิ์ ตั้งจิตธรรม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา นายสมบัติ ทั่งทอง นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ นางสาววิพัชรินทร์ ทรงเดชาพิพัฒน์ ผอ.โรงพยาบาลคลองเขื่อน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
ระหว่างเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา กับ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 6832 เลขที่ดิน 65 ตำบลคลองเขื่อน อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา (ทั้งแปลง) พื้นที่รวมทั้งหมด 17 ไร่ 60 ตารางวา ของเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 ปี เพื่อเป็นที่ตั้งหอผู้ป่วยเพื่อการดูแลระยะกลางของโรงพยาบาลคลองเขื่อน และในส่วนพื้นที่ที่เหลือจากการก่อสร้างอาคารจะนำมาใช้สร้างสวนสมุนไพร ลานออกกำลังกาย และศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
สำหรับที่ดินดังกล่าวเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราได้รับการอุทิศที่ดินจากนางเปี่ยม แสงขำ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2485 ที่ผ่านมาเทศบาลฯได้อนุญาตให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้รับมอบอำนาจฯ ใช้ประโยชน์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 3103 ซึ่งเป็นที่ดินโฉนดข้างเคียง เพื่อเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลประจำอำเภอคลองเขื่อนไปแล้วนั้น เทศบาลฯพิจารณาแล้วเห็นว่าการขอใช้ที่ดินเพิ่มเติมในครั้งนี้ จะทำให้การดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นไปได้อย่างเหมาะสม และลดความแออัดของคนไข้ที่รับการรักษาที่โรงพยาบาลพุทธโสธร ทำให้การให้บริการด้านสาธารณสุขของโรงพยาบาลคลองเขื่อนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่อำเภอคลองเขื่อนและพื้นที่ใกล้เคียงในการใช้บริการด้านการรักษาพยาบาลได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาคที่ดิน เพื่อให้เป็นสาธารณกุศลแก่ประชาชนโดยทั่วไป จึงอนุญาตให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขใช้ประโยชน์ในที่ดินของเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราเพื่อเป็นส่วนต่อขยายของโรงพยาบาลคลองเขื่อน เมื่อนับรวมพื้นที่ทั้งหมดโรงพยาบาลคลองเขื่อนจะมีพื้นที่ใช้สอยรวมจำนวน 2 แปลง เป็นเนื้อที่รวมกันทั้งหมด 43 ไร่ 60 ตารางวา โดยเทศบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการให้ใช้ประโยชน์ในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่จะได้รับบริการด้านการสาธารณสุขอย่างทั่วถึงต่อไป